RTD (Resistance Temperature Detector) คืออะไร? หลักการทำงานและการประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรม

RTD (Resistance Temperature Detector) คืออะไร? หลักการทำงานและการประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรม

RTD (Resistance Temperature Detector) คืออะไร? หลักการทำงานและการประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรม

1. RTD คืออะไร?

RTD (Resistance Temperature Detector) หรือ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบความต้านทาน เป็น Transducer ประเภท Passive ที่ทำงานโดยการเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุตามอุณหภูมิ โดยมีหลักการทำงานที่ว่า เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความต้านทานของโลหะจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

เนื่องจาก RTD เป็น ทรานสดิวเซอร์ประเภทพาสซีฟ (Passive Transducer) จึงต้องใช้ แหล่งจ่ายไฟภายนอก เพื่อให้สามารถวัดค่าได้

RTD เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น:

  • การตรวจสอบอุณหภูมิในกระบวนการผลิตอาหาร
  • ระบบควบคุมอุณหภูมิในอุตสาหกรรมเคมี
  • การควบคุมความร้อนในเครื่องพาสเจอร์ไรซ์
  • กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

2. วัสดุที่ใช้ทำ RTD และคุณสมบัติ

RTD ทำจากวัสดุที่มี ค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานสูง เพื่อให้สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ

กราฟความสัมพันธ์ระหว่างค่าความต้านทานและอุณหภูมิของวัสดุต่าง ๆ (ที่มา: นวภัทรา และ ทวีพล , 2555) 

📌 วัสดุที่นิยมใช้ทำ RTD ได้แก่:

วัสดุ คุณสมบัติ
Platinum (แพลตทินัม) เที่ยงตรงสูง เชิงเส้นดีเยี่ยม นิยมใช้มากที่สุด (เช่น RTD PT100)
Nickel (นิกเกิล) ราคาถูก แต่ใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิต่ำเท่านั้น
Copper (ทองแดง) ราคาถูก แต่เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ง่าย

💡 RTD ที่นิยมใช้งานในอุตสาหกรรมมากที่สุด คือ RTD PT100 ซึ่งมีค่าความต้านทาน 100 โอห์ม ที่อุณหภูมิ 0°C


3. หลักการทำงานของ RTD

RTD ประกอบด้วย ขดลวดที่ทำจากวัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะสม พันรอบแกนเซรามิกหรือแก้ว และเชื่อมต่อกับวงจรไฟฟ้าเพื่อวัดค่าความต้านทาน

เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ความต้านทานของโลหะก็เปลี่ยนแปลงตาม ซึ่งสามารถแปลงค่าออกมาเป็นอุณหภูมิได้โดยใช้สมการคำนวณ

🛠 โครงสร้างของ RTD ประกอบด้วย:

  1. ขดลวดความต้านทาน – ทำจากวัสดุแพลตทินัม, นิกเกิล หรือทองแดง
  2. แกนเซรามิกหรือแก้ว – เป็นฉนวนที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
  3. ตัวเรือน (Sheath RTD หรือ Probe) – ป้องกันอุปกรณ์จากสิ่งแวดล้อมภายนอก

4. รูปแบบของ RTD และการติดตั้ง

1. Sheath RTD (ปลอกโลหะครอบ RTD)

  • ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแข็งแรงและป้องกันความเสียหาย
  • สามารถติดตั้งร่วมกับเทอร์โมเวลล์ (Thermowell) เพื่อเสริมความแข็งแรง

2. หัวเชื่อมต่อ RTD (Connecting Head / Terminal Box)

  • ใช้สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณของ RTD กับระบบควบคุม
  • ป้องกันการรบกวนของสัญญาณ

3. เทอร์โมเวลล์ (Thermowell)

  • ป้องกัน RTD จากแรงดันสูง ของไหล และสารเคมี
  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของ RTD

📌 การเลือกใช้ RTD ให้เหมาะสมกับงานขึ้นอยู่กับ:

  • ชนิดของของไหลที่ต้องการวัด
  • สภาพแวดล้อม เช่น แรงดัน อุณหภูมิสูง หรือสารเคมี
  • ความแม่นยำที่ต้องการ

5. การประยุกต์ใช้งาน RTD ในอุตสาหกรรม

📌 ตัวอย่างการใช้งาน RTD ในอุตสาหกรรมต่างๆ

1. อุตสาหกรรมอาหาร

  • ใช้ RTD วัดอุณหภูมิของน้ำมันทอดในเครื่องทอด (Fryer)
  • ใช้ RTD PT100 ใน เครื่องพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurizer) เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำนม

2. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์

  • ใช้ RTD ในหม้อฆ่าเชื้อ (Retort) เพื่อควบคุมการทำงานของวาล์วและปั๊ม

3. อุตสาหกรรมเคมีและพลังงาน

  • ใช้ RTD ติดตั้งใน เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของของไหล
  • ใช้ RTD ใน ระบบควบคุมไอน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน

6. ข้อดีและข้อเสียของ RTD

📌 ✅ ข้อดีของ RTD
✔️ ความแม่นยำสูง – ดีกว่าเทอร์โมคัปเปิลในช่วงอุณหภูมิปานกลาง
✔️ ความเสถียรและเชิงเส้นดี – ให้ค่าที่แม่นยำในช่วงอุณหภูมิที่กว้าง
✔️ อายุการใช้งานยาวนาน – หากติดตั้งอย่างถูกต้อง


7. สรุป: RTD คือเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่แม่นยำและเหมาะกับงานอุตสาหกรรม

RTD (Resistance Temperature Detector) เป็นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่ใช้หลักการเปลี่ยนแปลงความต้านทานของโลหะตามอุณหภูมิ
RTD PT100 เป็นรุ่นที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะมีความแม่นยำสูงและมีความเป็นเชิงเส้นดี
การเลือก RTD ต้องคำนึงถึงวัสดุ ความแม่นยำ และวิธีติดตั้งให้เหมาะสมกับงานอุตสาหกรรม

🎯 หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่แม่นยำและทนทาน RTD คือตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานอุตสาหกรรมของคุณ! 🚀

ที่มา : การวัดและเครื่องมือวัด ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (นวภัทรา และ ทวีพล , 2555)