RTD vs Thermocouple: การเลือกเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่เหมาะสมในโรงงานอุตสาหกรรม

RTD vs Thermocouple: การเลือกเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่เหมาะสมในโรงงานอุตสาหกรรม

RTD vs Thermocouple: การเลือกเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่เหมาะสมในโรงงานอุตสาหกรรม

1. บทนำ

เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ (Temperature Sensor) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้สำหรับตรวจวัดและควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่แม่นยำและปลอดภัย โดยเซ็นเซอร์ที่ใช้กันมากที่สุดคือ

RTD (Resistance Temperature Detector)
Thermocouple (เทอร์โมคัปเปิล)

แต่ทั้งสองแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน


2. RTD และ Thermocouple คืออะไร?

2.1 RTD (Resistance Temperature Detector)

RTD คือ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่ใช้หลักการเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานของโลหะเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไป โดยโลหะที่นิยมใช้คือ แพลตตินัม (Platinum - Pt100, Pt1000)

📌 คุณสมบัติของ RTD
✅ มีความแม่นยำสูง (High Accuracy)
✅ เสถียรภาพดี ใช้งานได้นาน (Long-Term Stability)
✅ มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ (High Sensitivity)
✅ ใช้ในช่วงอุณหภูมิ -200°C ถึง 850°C

📌 การใช้งานของ RTD ในอุตสาหกรรม
🔹 อุตสาหกรรมอาหารและยา (Food & Pharmaceutical)
🔹 อุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Petrochemical)
🔹 งานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ห้องปฏิบัติการ


2.2 Thermocouple (เทอร์โมคัปเปิล)

Thermocouple คือ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่ใช้หลักการของ Thermoelectric Effect โดยการวัดแรงเคลื่อนไฟฟ้า (mV) ที่เกิดจากการเชื่อมต่อของโลหะสองชนิดที่อุณหภูมิแตกต่างกัน

📌 คุณสมบัติของ Thermocouple
✅ รองรับอุณหภูมิสูงสุดถึง 1,800°C
✅ ตอบสนองต่ออุณหภูมิได้เร็ว (Fast Response Time)
✅ ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง (Durability in Harsh Environments)
✅ มีราคาถูกกว่า RTD

📌 การใช้งานของ Thermocouple ในอุตสาหกรรม
🔹 อุตสาหกรรมเหล็กและเตาหลอม (Steel & Furnace)
🔹 ระบบไอน้ำและโรงไฟฟ้า (Steam & Power Plants)
🔹 กระบวนการเชื่อมและตัดโลหะ (Welding & Metal Cutting)


3. เปรียบเทียบ RTD และ Thermocouple

คุณสมบัติ RTD (Pt100, Pt1000) Thermocouple
หลักการทำงาน เปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานตามอุณหภูมิ วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เกิดจากโลหะสองชนิด
ความแม่นยำ สูงมาก (±0.1°C ถึง ±0.5°C) ปานกลางถึงสูง (±1°C ถึง ±5°C)
ช่วงอุณหภูมิ -200°C ถึง 850°C -200°C ถึง 1,800°C
ความไวในการตอบสนอง ปานกลาง เร็วกว่า RTD
ความทนทานต่อสภาวะแวดล้อม ทนต่อการกัดกร่อน แต่ไม่เหมาะกับอุณหภูมิสูงมาก ทนต่อแรงสั่นสะเทือนและอุณหภูมิสูง
ราคา สูงกว่า ถูกกว่า

🔹 เลือกใช้ RTD เมื่อต้องการความแม่นยำและเสถียรภาพ
🔹 เลือกใช้ Thermocouple เมื่อต้องการรองรับอุณหภูมิสูงและตอบสนองเร็ว


4. ประเภทของ Thermocouple และการเลือกใช้งาน

Thermocouple มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทเหมาะกับงานที่แตกต่างกัน

ประเภท Thermocouple ช่วงอุณหภูมิ (°C) การใช้งานหลัก
Type K -200 ถึง 1,260 งานทั่วไป เช่น เตาหลอม อุตสาหกรรมพลาสติก
Type J -40 ถึง 750 เครื่องจักรกล และงานโลหะ
Type T -200 ถึง 350 งานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ห้องทดลอง
Type E -200 ถึง 900 งานอุตสาหกรรมไฟฟ้า
Type R, S, B 0 ถึง 1,800 อุตสาหกรรมเหล็ก เตาหลอม และโรงไฟฟ้า

💡 การเลือก Thermocouple ต้องคำนึงถึงอุณหภูมิที่ต้องการวัดและสภาพแวดล้อมในการใช้งาน


5. วิธีการติดตั้ง RTD และ Thermocouple ให้ได้ค่าที่แม่นยำ

🔹 เลือกตำแหน่งติดตั้งให้เหมาะสม – ควรติดตั้งในจุดที่มีการไหลของของไหลสม่ำเสมอ
🔹 ใช้ปลอกป้องกัน (Protection Tube) – เพื่อป้องกันการสึกหรอจากสารเคมีหรือแรงกระแทก
🔹 หลีกเลี่ยงสัญญาณรบกวน (Noise Reduction) – ควรใช้สาย Shielded Cable และติดตั้งให้ห่างจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าแรงสูง


6. สรุป: เลือกเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิแบบไหนให้เหมาะกับงานของคุณ?

📌 ใช้ RTD (Pt100, Pt1000) เมื่อ:
✅ ต้องการความแม่นยำสูงและเสถียรภาพระยะยาว
✅ วัดอุณหภูมิที่ไม่เกิน 850°C
✅ ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และปิโตรเคมี

📌 ใช้ Thermocouple เมื่อ:
✅ ต้องการรองรับอุณหภูมิสูงถึง 1,800°C
✅ ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว
✅ ใช้ในอุตสาหกรรมเหล็ก เตาหลอม และโรงไฟฟ้า

💡 การเลือกเซ็นเซอร์ที่เหมาะสม จะช่วยให้กระบวนการผลิตมีความแม่นยำ ประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิ