Multimeters หรือเครื่องมือวัดหลายค่าจาก Fluke เป็นที่นิยมในหมู่วิศวกร, ช่างเทคนิค, และผู้ทำงานในด้านการซ่อมบำรุงเนื่องจากความแม่นยำ, ความทนทาน, และคุณภาพในการวัดที่เชื่อถือได้ รุ่น 113, 114, 115, 116, และ 117 เป็นเครื่องมือที่มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน นี่คือการเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้คุณเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงานของคุณมากที่สุด:
Fluke 113 - Utility Multimeter
- จุดเด่น: เหมาะสำหรับงานทั่วไป
- คุณสมบัติ: การวัดความต้านทาน, การตรวจสอบความต่อเนื่อง, และการทดสอบไดโอด
- การใช้งาน: ช่างซ่อมบำรุงหรือช่างไฟที่ต้องการเครื่องมือพื้นฐานสำหรับวัดไฟฟ้า
Fluke 114 - Electrical Multimeter
- จุดเด่น: เน้นใช้งานทางด้านไฟฟ้า
- คุณสมบัติ: การวัดแรงดัน AC/DC, ความต้านทาน, และความต่อเนื่อง
- การใช้งาน: ช่างไฟที่ต้องการเครื่องมือที่มีความสามารถในการวัดพื้นฐานทางด้านไฟฟ้า
Fluke 115 - True RMS Multimeter
- จุดเด่น: อเนกประสงค์สำหรับงานทั่วไปและงานไฟฟ้า
- คุณสมบัติ: มี True RMS สำหรับการวัดแรงดันและกระแส, ความถี่, การทดสอบไดโอด, ความต้านทาน, ความต่อเนื่อง
- การใช้งาน: ช่างที่ต้องการเครื่องมือที่ครบถ้วนสำหรับการทำงานหลายหลายทั้งในและนอกสถานที่
Fluke 116 - HVAC Multimeter
- จุดเด่น: เหมาะสำหรับงาน HVAC ด้วยคุณสมบัติวัดอุณหภูมิและไมโครแอมป์
- คุณสมบัติ: True RMS, วัดอุณหภูมิ, ไมโครแอมป์สำหรับการทดสอบเตา, ความต้านทาน, และความต่อเนื่อง
- การใช้งาน: ช่างเทคนิค HVAC ที่ต้องการเครื่องมือวัดที่ครบครันสำหรับการติดตั้งและซ่อมบำรุงระบบ HVAC
Fluke 117 - Electrician's Multimeter
- จุดเด่น: สำหรับช่างไฟฟ้ามืออาชีพด้วยการตรวจจับแรงดันแบบไม่สัมผัส (VoltAlert)
- คุณสมบัติ: True RMS, VoltAlert, การวัดความถี่, ความต้านทาน, และความต่อเนื่อง
- การใช้งาน: ช่างไฟฟ้าในโรงงานหรืองานก่อสร้างที่ต้องการเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือสูงและสามารถตรวจจับแรงดันได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเลือก multimeter, ควรพิจารณาถึงลักษณะงานที่จะใช้ รวมทั้งคุณสมบัติเฉพาะที่จำเป็นสำหรับงานนั้น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและการใช้งานที่ปลอดภัย.